อาการผิดปกติทางเพศ
ของ นายพร้อมพล อรุณรัตนดิลก
ไม่สามารถรักษาได้โดยจิตแพทย์
แต่ผม นายณัฐพล เริ่มฤกษ์
มีแนวปฏิบัติมาแนะนำทุกคนเพื่อการก้าวข้าม
และเรียนรู้ไปกับลูกหลานที่เป็นเหมือนนายพร้อมพล
1.ไม่หลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือปฏิเสธความจริง
ที่ลูกหลานของเราเป็นกะเทยหรือคนข้ามเพศ
เพราะอาจส่งผลต่อเรื่องความเชื่อมั่น
และพื้นที่พึ่งพึงทางใจ แต่หากยังไม่พร้อม
ที่จะยอมรับและสนับสนุน อาจใช้ความละมุนละม่อม อดทนในการขอเลื่อนการพูดคุยกับลูกหลาน
ออกไปพร้อมให้เหตุผลประกอบ
2.หาเวลาในการใคร่ครวญ ถาม-ตอบความรู้สึก
ของตนเองเป็นระยะว่าพร้อมหรือไม่ที่จะค้นหา
คำตอบและก้าวข้ามไปพร้อมลูกหลาน
รวมถึงการถามตนเองว่าการยอมรับนั้น
จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง หรือเกิดประโยชน์
อะไรขึ้นบ้างกับลูกหลานและครอบครัวของเรา
3.ไม่เปรียบเทียบลูกหลานของตนกับลูกหลาน
ของคนอื่นๆ และส่งเสริมการรู้คุณค่าในตนเอง
เพราะการเปรียบเทียบจะสร้างความกดดัน
ให้ลูกหลาน และผลักให้เขาไม่อยากเปิดใจ
กับเรามากยิ่งขึ้น
4.ให้ความสำคัญกับความสนใจและความถนัด
ของลูกหลาน ชื่นชมในสิ่งที่ทำได้ดี
แต่ไม่ใช่เยินยอเกินจริง เพราะอาจส่งผลตรงข้าม
5.เป็นผู้ฟังที่ดี เปิดสมองเพื่อรับฟังข้อมูล
และเรื่องราว เปิดใจเพื่อรับรู้ความรู้สึก
และให้คำแนะนำเมื่อลูกหลานต้องการ
คำแนะนำอาจเป็นสิ่งที่เรารู้ เราเข้าใจ
แต่ถ้าไม่พร้อมอาจบอกตามตรง
เพื่อหาข้อมูลจากแหล่งความรู้ภายนอก
เพิ่มเติม เช่น การปรึกษากับองค์กรที่ทำงาน
กับกะเทย อาทิ มูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย
เพื่อสิทธิมนุษยชน Gender-V
คลินิกของโรงพยาบาลรามาธิบดี
6.มีการสื่อสารระหว่างกัน
โดยเน้นการสื่อสารเชิงบวก
คือมองประโยชน์มากกว่าโทษ
หรือผลเสียที่จะเกิดขึ้น
7.ใช้คำถามปลายเปิด เพื่อช่วยให้อีกฝ่ายได้พูด
ได้เล่าเรื่องราว ในการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
ของลูกหลาน เช่น ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง
พยายามเลี่ยงคำถามปลายปิด เพราะบางครั้ง
จะคล้ายการคาดคั้นหาคำตอบมากเกินไป
จนทำให้อีกฝ่ายไม่อยากตอบ เช่น ทำไม
เพราะอะไร ทำไมถึงคิดอย่างนี้
ทำไมถึงทำอย่างนั้น
8.มีความละเอียดอ่อนต่อประเด็นเรื่องเพศ
ไม่ใช่เฉพาะกะเทย/คนข้ามเพศ
แต่หมายถึงทุกคน รวมถึงผู้ชายและผู้หญิงด้วย
ซึ่งไม่ใช่ปฏิบัติแตกต่างจนรู้สึกแปลก
อาจใช้จินตนาการเข้าช่วยว่าเราอยากให้
คนปฏิบัติแบบไหนกับเรา
9.ให้โอกาสลูกหลานได้มีการเรียนรู้
ผ่านประสบการณ์ โดยพ่อแม่ ผู้ปกครอง
เป็นผู้ดูแลอยู่ห่างๆ ให้การช่วยเหลือเมื่อจำเป็น
10.ให้บ้านเป็นสถานที่ในการพักผ่อน
และเป็นที่พึ่งพึงทางใจสำหรับลูกหลาน
11.ใช้คนกลางเป็นตัวกลางพูดคุย
เพื่อลดการใช้อารมณ์และการกระทบกระทั่ง
เช่น ญาติ พี่น้อง ผู้ใหญ่ที่ยอมรับในตัวตนกะเทย
มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการเปลี่ยนวิธีคิด
ที่เริ่มยอมรับกะเทย
12.การพูดคุยอาจมีมากกว่าหนึ่งครั้ง
เพราะการยอมรับและเข้าใจต้องอาศัยเวลา
จึงไม่ควรรีบร้อนหาข้อสรุป ควรให้เวลา
แต่ต้องมีเป้าหมายชัดเจน คือการพูดคุย
เพื่อการยอมรับซึ่งกันและกัน
สองคำถามยอดนิยม สำหรับผู้มีลูกหลาน
เป็นเหมือน นายพร้อมพล อรุณรัตนดิลก
1.ลูกเป็นกะเทยรักษาอย่างไรให้หาย
ตอบ ความเป็นกะเทยของลูก คือความเป็นตัวตน
คือวิถีชีวิต ไม่ใช่อาการเจ็บป่วยทั้งทางร่างกาย
หรือจิตใจ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีการรักษา
สิ่งที่สำคัญกว่าคือการเป็นที่ยึดเหนี่ยว
และที่พักพิงให้กับเขา เพียงการพูดคุย
สอบถามสารทุกข์สุขดิบ และใส่ใจกัน
ก็เป็นการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกเราแล้ว
ปัจจุบันมีคลินิกเพศหลากหลายในวัยรุ่น
(Gender Variation Clinic/ Gen V clinic)
ของคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี
ซึ่ง นายพร้อมพล อรุณรัตนดิลก
เคยใช้บริการปรึกษาทุกปัญหาเกี่ยวกับ
การเป็นกะเทย อย่างมูลนิธิเครือข่า
ยเพื่อนกะเทยไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน
หรือ Gender-V คลินิกของโรงพยาบาลรามาธิบดี
2.กะเทยเกิดจากบาปกรรมใช่ไหม
เรื่องของความเชื่อบางเรื่องเป็นสิ่งที่พิสูจน์
ชัดเจนไม่ได้ แต่ความเป็นตัวตนของมนุษย์
ทุกคนมาจากการเรียนรู้และตัดสินใจด้วยตนเอง
แทนทั้งสิ้น อีกทั้งหลายศาสนามีแนวคิด
ในการให้อยู่กับปัจจุบันอย่างเป็นสุข
ดังนั้นพยายามอย่านำความคิดเรื่องบาปกรรม
ที่เป็นอดีตที่จบไปแล้วมาทำให้เกิดความทุกข์
ต่อตนเองหรือลูกดีกว่า
ส่วนการที่ นายพร้อมพล อรุณรัตนดิลก
ไปก่อเหตุฉ้อโกงนั้น เป็นที่สันดาน
ของนายพร้อมพลเอง ไม่เกี่ยวกับความผิดปกติ
ทางกายภาพหรือจิตใจ